วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

การพัฒนากระบวนการเชิงนวัตกรรมและบูรณาการ


คำนำ
กระบวนการพัฒนาปรับปรุงเชิงนวัตกรรม ในการเปลี่ยนแปลงองค์การ (organizational change) มีความหลากหลายทั้งในด้านหลักการพื้นฐาน มุมมอง กฎ ระเบียบ และวิธีการ การศึกษาแนวนวัตกรรมองค์การ (organizational renewal) ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลแนวคิดนิเวศย์วิทยาประชาการ (population ecology) ต้องเน้นการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์การคล้อยตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม การศึกษาการพัฒนาองค์การแนวดั้งเดิม (Traditional OD) ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิดการเปลี่ยนแปลงตามแผน (planned change) มุ่งการประยุกต์ใช้พฤติกรรมศาสตร์เพื่อบำบัดรักษาสุขภาพ (therapy) และปรับองค์การให้มีประสิทธิผล และการศึกษาการพัฒนาองค์การแนวใหม่ (organizational transformation) เน้นการเปลี่ยนสภาพองค์การให้มีความสามารถเรียนรู้และปรับตัวไปสู่คุณภาพใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของคนและองค์การ ผลที่ตามมาคือ มีการนำเสนอการเปลี่ยนแปลงองค์การหลากหลายจุดมุ่งหมายและรูปแบบ การเลือกใช้รูปแบบการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับโลกความจริง
คู่มือกระบวนการนี้ มีการพัฒนาปรับปรุงเชิงนวัตกรรม/เชิงบูรณาการ โดยได้ทบทวนพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับแนวคิด และรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงองค์การให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุดมีข้อเสนอของการเปลี่ยนแปลงองค์การจากคณะกรรมการ ติดตาม กำกับดูแล และคณะทำงานพัฒนาคุณภาพบริหารจัดการภาครัฐ ถึงกรอบวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงองค์การที่เน้นการบูรณาการระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลง (change process) และพฤติกรรมองค์การ (organizational behavior) และประการสุดท้ายคือการเสนอแนะแนวบรรทัดฐาน (normative guides) ที่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละขั้นตอนเพื่อให้เป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพ  ดังนั้นคณะกรรมการฯ/คณะทำงานฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระบวนนี้จะเป็นนวัตกรรมใหม่ในการพัฒนาองค์การ ต่อไป
                  


วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

อย่ารอโอกาสมาหาจงเดินไปหาโอกาส




ชีวิตคนเรานั้น ไม่มีใครที่จะเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางชีวิตในการเดินทางของตนเองได้ ด้วยฐานะความเป็นอยู่ และสภาพความพร้อมในการสนับสนุนส่งเสริมให้เป็นคนเด่นในสังคมที่แตกต่างคนนี้เอง ความแตกต่างระหว่างบุคคลในสังคมจึงมีมากมาย โดยเฉพาะชีวติของคนชนบทแล้วเป็นสิ่งที่น่าสงสารและเห็นใจ ในการที่จะประสานงาน หรือขอรับการสนับสนุน หรือข้อเสนอแนะคำแนะนำจากข้าราชการด้วยแล้ว คำว่า ความประทับใจนั้นแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำไป เพราะสังคมชนบทความแตกต่างทางฐานะ และความรู้ จะถูกเหยียบยำจากพวกคุณท่านที่ให้บริการประชาชนในสายงานต่าง ๆ ที่สะท้อนความรู้สึกจนถึงปัจจุบันว่า คุณค่าของคนมองที่การแต่งตัวฐานะ ความรู้ไว้ทีหลัง ซึ่งจะเห้นว่าคนมีโอกาส มักไม่ค่อยจะเรียนจบสูงเท่าไหร่ คนพอมีกำลังส่งเสียลูกเรียนสูง ๆๆ จบมาทำงานอำเภอ หรืองานที่บริการประชาชนตาดำ ๆๆ ก้อจะมองค่าของคนด้วยสายตาเหยียบย่ำและดูถูก เพราะด้วยความรู้ ฐานะ พอมีจะกิน นั้นเอง นี่คือ ความจริงพวกบริการอำเภอ หรือพวกพยาบาลในอำเภอ ซึ่งผู้เขียนจึงอยากจะสะท้อนวิถีชีวิต ว่าสังคมเราแบ่งแยกกันที่การแต่งตัว เป็นส่วนใหญ่ ผู้เขียนมีความภูมิใจที่ก้าวแรกที่เข้าเรียนคือ โรงเรียนบ้านปังกู (คุรุประชานุสรณ์) ครูใหญ่ สมัยนั้น คือ ครู่ ผ่อง ฯ จากสภาพหรือฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวและกำลังที่จะส่งเสียให้เรียนต่อเหมือนเค้าไม่มี ด้วยความใฝ่ฝันคือจะต้องเรียนให้ได้หาวิชาชีพเสริมความรู้ให้กับตัวเอง จึงไปอยู่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในช่วงปิดเทอมทุกครั้ง จึงจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนบ้านปังกู ฯ เข้าสู่มหาวิทยาลัยอาชีพ คือ การทำนา แรงบันดาลใจที่ต้องดิ้นรนเล่าเรียนคือ การติดต่องานที่อำเภอ ซึ่งเห็นเพื่อนที่เคยรู้จักกลับไม่กล้าทักเพราะเราแต่งตัวดูไม่ดี ที่เราอุตสาห์ยิ้มใส่คำตอบคือเค้าไม่เห็นรอยยิ้มเรา คนจน คนไม่มีความรู้อย่างเรานั้นเอง และ โรงพยาบาลมองคนไข้อย่างเราตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนจะสำรวจดูว่ามีตังส์จ่ายค่ารักษาพญาบาลหรือเปล่า ผู้เขียนจึงต้องไปบวชด้วยเหตุผล ถ้าเราบวชเราคงได้เรียนได้มีความรู้ ได้อะไรหลาย ๆ อย่าง นั้นคือความคิดในขณะนั้น เมื่อบวชเณรสมัครเรียน กศน. 1 พรรษา พระ 1 พรรษา แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่รุ่งแน่ จึงสึกจึง สมัครเป็นสมัครเป็นทหารเกณฑ์ ด้วยไม่ต้องจับใบดำใบแดง ระหว่างรอเรียกเค้าฝึก ไปเรียน สารพัดช่าง ต่อ 3 เดือน เพื่อเทียบ โอน กศน.ให้จบก่อนไปทหาร แต่การเป็นทหาร 2 ปี ก้อได้ประสบการณ์หลายๆ อย่าง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความใฝ่รู้ จึงได้ทำงานด้านเอกสาร ทั้งงานพิมพ์ งานเอกสารทางราชการ และแล้วก็ปลดประจำการ ก้อสมัครเป็น พลอาสมัคร (ทหารมหาดเล็ก) และศึกษา กศน.ต่อ ม.6 โชคช่วยแหละความใฝ่รู้จึงเข้าศึกษาการใช้คอมพิวเตอร์ ด้านโปรแกรมต่าง ๆ และเข้าศึกษาต่อ ปริญญาตรี คณะบริหารการเงิน การบัญชี และ ศึกษา มสธ. คณะนิติศาสตร์ และ ม.นเรศวร คณะศึกษาศสาตร์ และศึกษาต่อปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขา การจัดการเพื่อความมั่นคง สิ่งที่สะท้อนถึงความรู้สึกให้น้อง ๆ ที่จบการศึกษาจากสถานศึกษาแห่งนี้ว่าการศึกษาไม่มีคำว่าจบ หรือสายเกินเรียน ไม่ต้องรอโอกาสมาหาเราต้องเดินหาโอกาสถึงจะประสบความสำเร็จ