วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การพัฒนาองค์กรเหมือนการปรับปรุงบ้าน


การสร้างคนเหมือนสร้างบ้าน การพัฒนาองค์กรเหมือนการปรับปรุงบ้าน ซึ่งไม่แตกต่างกันอยู่ที่เราจะใช้กลไกเครื่องมือชนิดใดมาพัฒนาปรับปรุงให้มีความสวยงาม มีขีดความสามารถศักยภาพที่มันคงได้
การสร้างบ้านการสร้างคนต้องมีกระบวนการที่สนองตอบต่อความต้องการ ทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก มาวิเคราะห์ ถึง อุปสรรคขององค์กรหรือบ้าน ว่าปัจจัยภายนอกเกิดจากอะไร และปัจจัยภายในเกิดจากอะไร ที่เป็นปัญหา หรืออุปสรรค เช่นในกระบวนการศึกษาสำหรับการศึกษานั้น ไม่เหมือนธุรกิจ เพราะการศึกษาไม่ได้หวังผลกำไรเป็นตัวเงิน แต่ผลทีได้เป็นคุณภาพในด้านต่าง ๆ ของคน อย่างไรก็ตาม กระบวนการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาก็สามารถนำแนวคิดและกระบวนการข้างต้นมาใช้ได้ โดยปรับให้เหมาะสมกับกระบวนการพัฒนาการศึกษา ซึ่งเป็นการพัฒนาคน
                การที่สถานศึกษาจะจัดการศึกษาให้ดีมีคุณภาพ เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพนั้น ก็เปรียบเทียมกับการสร้างบ้าน โดยคนในบ้านจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าต้องการสร้างบ้านนั้นเพื่อประโยชน์อะไร แล้วจึงออกแบบแปลนให้เหมาะสม ต่อจากนั้น จึงลงมือวางรากฐานและดำเนินการร่อสร้างตามแบบแปลน ในระหว่างการก่อสร้าง ก็จะต้องตรวจสอบว่าตรงกับแบบแปลนหรือไม่ วัสดุที่ใช้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่ มีความมั่งคงเพียงใด ระบบน้ำไฟเป็นอย่างไร ถ้าพบสิ่งใดที่เป็นข้อบกพร่อง ก็ปรับปรุงแก้ไขไดในขั้นตอน ซึ่งจะทำให้บ้านที่ก่อสร้างขึ้นมา มีความแข็งแรง สวยงาม มั่งคง ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ
                กระบวนการพัฒนาคนในสถานศึกษาก็เหมือนกับการสร้างบ้าน เพียงแต่การสร้างบ้านนั้นต้องใช้สถาปนิก ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาดำเนินการ และเมื่อสร้างเสร็จแล้วก็เสร็จเลย ไม่ต้องทำต่อ แต่กระบวนการสร้างคนนั้น ผู้ที่เป็นสถาปนิกคือ ครู และผู้บริหาร ซึ่งเป็นบุคคลภายในจะต้องร่วมกันพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพดีและจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง   โดยไม่หยุด ผู้บริหารและครูในสถานศึกษามีการร่วมกันกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าต้องการพัฒนาเด็กให้มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร และถ้าจะให้เด็กมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ก็ต้องช่วยกันคิด และช่วยกันวางแผน (Plan)  ว่าจะต้องทำอย่างไร แล้วช่วยกันทำ (Do) ช่วยกันตรวจสอบ (Check) และต้องปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง (Action) เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นตลอดเวลา โดยร่วมกันทำงานเป็นทีม
                ปัจจุบันได้มีการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา จึงเป็นกระบวนการที่บุคลากรทุกฝ่ายในสถานศึกษาร่วมกันวางแผน กำหนเป้าหมายและวิธีการ ลงมือทำตามแผนในทุกขั้นตอน มีการบันทึกข้อมูลเพื่อร่วมกันตรวจสอบผลงาน หาจุดเด่น จุดที่ต้องปรับปรุงแล้วร่วมกันปรับปรุงแผนงานนั้น ๆ โดยมุ่งหวังให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานศึกษาที่เน้นคุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ                 
                *****แนวคิดการทำงานที่เป็นระบบเช่นนี้จะช่วยสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายในสถานศึกษาเกิดความรู้สึกว่าเป็นงานปกติ เป็นการมองตนและประเมินตนเอง ซึ่งจะทำให้สถานศึกษามีฐานข้อมูลที่มั่งคงเป็นจริง พร้อมเสมอต่อการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก 

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

การพัฒนากระบวนการเชิงนวัตกรรมและบูรณาการ


คำนำ
กระบวนการพัฒนาปรับปรุงเชิงนวัตกรรม ในการเปลี่ยนแปลงองค์การ (organizational change) มีความหลากหลายทั้งในด้านหลักการพื้นฐาน มุมมอง กฎ ระเบียบ และวิธีการ การศึกษาแนวนวัตกรรมองค์การ (organizational renewal) ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลแนวคิดนิเวศย์วิทยาประชาการ (population ecology) ต้องเน้นการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์การคล้อยตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม การศึกษาการพัฒนาองค์การแนวดั้งเดิม (Traditional OD) ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิดการเปลี่ยนแปลงตามแผน (planned change) มุ่งการประยุกต์ใช้พฤติกรรมศาสตร์เพื่อบำบัดรักษาสุขภาพ (therapy) และปรับองค์การให้มีประสิทธิผล และการศึกษาการพัฒนาองค์การแนวใหม่ (organizational transformation) เน้นการเปลี่ยนสภาพองค์การให้มีความสามารถเรียนรู้และปรับตัวไปสู่คุณภาพใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของคนและองค์การ ผลที่ตามมาคือ มีการนำเสนอการเปลี่ยนแปลงองค์การหลากหลายจุดมุ่งหมายและรูปแบบ การเลือกใช้รูปแบบการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับโลกความจริง
คู่มือกระบวนการนี้ มีการพัฒนาปรับปรุงเชิงนวัตกรรม/เชิงบูรณาการ โดยได้ทบทวนพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับแนวคิด และรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงองค์การให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุดมีข้อเสนอของการเปลี่ยนแปลงองค์การจากคณะกรรมการ ติดตาม กำกับดูแล และคณะทำงานพัฒนาคุณภาพบริหารจัดการภาครัฐ ถึงกรอบวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงองค์การที่เน้นการบูรณาการระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลง (change process) และพฤติกรรมองค์การ (organizational behavior) และประการสุดท้ายคือการเสนอแนะแนวบรรทัดฐาน (normative guides) ที่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละขั้นตอนเพื่อให้เป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพ  ดังนั้นคณะกรรมการฯ/คณะทำงานฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระบวนนี้จะเป็นนวัตกรรมใหม่ในการพัฒนาองค์การ ต่อไป
                  


วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

อย่ารอโอกาสมาหาจงเดินไปหาโอกาส




ชีวิตคนเรานั้น ไม่มีใครที่จะเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางชีวิตในการเดินทางของตนเองได้ ด้วยฐานะความเป็นอยู่ และสภาพความพร้อมในการสนับสนุนส่งเสริมให้เป็นคนเด่นในสังคมที่แตกต่างคนนี้เอง ความแตกต่างระหว่างบุคคลในสังคมจึงมีมากมาย โดยเฉพาะชีวติของคนชนบทแล้วเป็นสิ่งที่น่าสงสารและเห็นใจ ในการที่จะประสานงาน หรือขอรับการสนับสนุน หรือข้อเสนอแนะคำแนะนำจากข้าราชการด้วยแล้ว คำว่า ความประทับใจนั้นแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำไป เพราะสังคมชนบทความแตกต่างทางฐานะ และความรู้ จะถูกเหยียบยำจากพวกคุณท่านที่ให้บริการประชาชนในสายงานต่าง ๆ ที่สะท้อนความรู้สึกจนถึงปัจจุบันว่า คุณค่าของคนมองที่การแต่งตัวฐานะ ความรู้ไว้ทีหลัง ซึ่งจะเห้นว่าคนมีโอกาส มักไม่ค่อยจะเรียนจบสูงเท่าไหร่ คนพอมีกำลังส่งเสียลูกเรียนสูง ๆๆ จบมาทำงานอำเภอ หรืองานที่บริการประชาชนตาดำ ๆๆ ก้อจะมองค่าของคนด้วยสายตาเหยียบย่ำและดูถูก เพราะด้วยความรู้ ฐานะ พอมีจะกิน นั้นเอง นี่คือ ความจริงพวกบริการอำเภอ หรือพวกพยาบาลในอำเภอ ซึ่งผู้เขียนจึงอยากจะสะท้อนวิถีชีวิต ว่าสังคมเราแบ่งแยกกันที่การแต่งตัว เป็นส่วนใหญ่ ผู้เขียนมีความภูมิใจที่ก้าวแรกที่เข้าเรียนคือ โรงเรียนบ้านปังกู (คุรุประชานุสรณ์) ครูใหญ่ สมัยนั้น คือ ครู่ ผ่อง ฯ จากสภาพหรือฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวและกำลังที่จะส่งเสียให้เรียนต่อเหมือนเค้าไม่มี ด้วยความใฝ่ฝันคือจะต้องเรียนให้ได้หาวิชาชีพเสริมความรู้ให้กับตัวเอง จึงไปอยู่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในช่วงปิดเทอมทุกครั้ง จึงจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนบ้านปังกู ฯ เข้าสู่มหาวิทยาลัยอาชีพ คือ การทำนา แรงบันดาลใจที่ต้องดิ้นรนเล่าเรียนคือ การติดต่องานที่อำเภอ ซึ่งเห็นเพื่อนที่เคยรู้จักกลับไม่กล้าทักเพราะเราแต่งตัวดูไม่ดี ที่เราอุตสาห์ยิ้มใส่คำตอบคือเค้าไม่เห็นรอยยิ้มเรา คนจน คนไม่มีความรู้อย่างเรานั้นเอง และ โรงพยาบาลมองคนไข้อย่างเราตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนจะสำรวจดูว่ามีตังส์จ่ายค่ารักษาพญาบาลหรือเปล่า ผู้เขียนจึงต้องไปบวชด้วยเหตุผล ถ้าเราบวชเราคงได้เรียนได้มีความรู้ ได้อะไรหลาย ๆ อย่าง นั้นคือความคิดในขณะนั้น เมื่อบวชเณรสมัครเรียน กศน. 1 พรรษา พระ 1 พรรษา แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่รุ่งแน่ จึงสึกจึง สมัครเป็นสมัครเป็นทหารเกณฑ์ ด้วยไม่ต้องจับใบดำใบแดง ระหว่างรอเรียกเค้าฝึก ไปเรียน สารพัดช่าง ต่อ 3 เดือน เพื่อเทียบ โอน กศน.ให้จบก่อนไปทหาร แต่การเป็นทหาร 2 ปี ก้อได้ประสบการณ์หลายๆ อย่าง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความใฝ่รู้ จึงได้ทำงานด้านเอกสาร ทั้งงานพิมพ์ งานเอกสารทางราชการ และแล้วก็ปลดประจำการ ก้อสมัครเป็น พลอาสมัคร (ทหารมหาดเล็ก) และศึกษา กศน.ต่อ ม.6 โชคช่วยแหละความใฝ่รู้จึงเข้าศึกษาการใช้คอมพิวเตอร์ ด้านโปรแกรมต่าง ๆ และเข้าศึกษาต่อ ปริญญาตรี คณะบริหารการเงิน การบัญชี และ ศึกษา มสธ. คณะนิติศาสตร์ และ ม.นเรศวร คณะศึกษาศสาตร์ และศึกษาต่อปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขา การจัดการเพื่อความมั่นคง สิ่งที่สะท้อนถึงความรู้สึกให้น้อง ๆ ที่จบการศึกษาจากสถานศึกษาแห่งนี้ว่าการศึกษาไม่มีคำว่าจบ หรือสายเกินเรียน ไม่ต้องรอโอกาสมาหาเราต้องเดินหาโอกาสถึงจะประสบความสำเร็จ

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556






ตระกูลแก้วยรรยง



ประวัติผู้เขียน :    มีพี่น้อง  4 คน  เป็นคนที่ 2 ของครอบครัว เหยียบประโคน (สกุลเดิม)
                         
 อยู่บ้านเลขที่ 215/2   หมู่ 4 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
ด้านการศึกษา
สำเร็จการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 6  โรงเรียนบ้านปังกู (คุรุประชานุสรณ์)
   - ผลงาน :  เป็นตัวแทนนักเรียน วาดภาพแข่งขันในระดับอำเภอ และจังหวัด
สำเร็จการศึกษาหลักสูตรระยะสั้น : โรงเรียนสารพัดช่างบุรีรัมย์ สาขา ช่างวิทยุโทรทัศน์ ,ช่างเครื่องเสียง
สำเร็จการฝึกยกระดับฝีมือช่าง  หลักสูตรระยะสั้น :  สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคตะวันออก
                                                                                 ช่างเดินไฟฟ้าในอาคาร
สำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น :  ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.บุรีรัมย์
สำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย : ศูนการศึกษานอกโรงเรียนกรุงเทพมหานคร 2
สำเร็จการศึกษาหลักสูตรปริญญาตรี :  คณะศึกษาศาสตร์ สาขา เทคโนโลยีสื่อสารเพื่อการศึกษา
สำเร็จการศึกษาหลักสูตรปริญญาตรี :  คณะนิติศาสตร์
สำเร็จการศึกษาหลักสูตรปริญญาโท : คณะรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต
                                                             สาขาการจัดการเพื่อความมั่นคง
ด้านการศึกษาทางพุทธศาสนา
  จบ นวก                  สถานที่สอบ วัดสำโรง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
  จบ นักธรรมตรี       สถานที่สอบ  วัดป่าอุดมธรรม อ.กระสัง  จ.บุรีรัมย์
  จบ นักธรรมโท      สถานที่สอบ   วัดป่าอุดมธรรม อ.กระสัง  จ.บุรีรัมย์
อาชีพ
   ทำนา  (เดิม)
   รับราชการ

        เริ่มต้นการเดินทางออกจากอาชีพทำนา เมื่อ พ.ศ.2536  ก้าวสู่วงราชการและออกจากบ้านปังกูผจญโลกกว้าง